ในยุคที่การใช้คอมพิวเตอร์ หรือ มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครๆอีกหลายคน โดยเฉพาะในการทำงานไม่ต่ำกว่าวันละ 6-8 ชั่วโมงหรือการติดต่อสื่อสารเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นแทบตลอดเวลา สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ปัญหาสุขภาพทางสายตา โดยเฉพาะ "ภาวะสายตาเสื่อม" จากการใช้งานคอมพิวเตอร์และมือถือนานๆจนเกิดภาวะจอประสาทตาเสื่อม หรือปัญหาสุขภาพทางตาตามมาอีกมากมาย ซ฿่งสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพทางสายตาจะทำให้เรามีอาการผิดปกติในการมองเห็นหรือมีปัญหาสุขภาพดังนี้
ภาวะสายตาเสื่อมที่เกิดขึ้นเริ่มตั้งแต่การเสื่อมของเซลล์จอประสาทตาภายในดวงตา เริ่มแรกอาจไม่มีอาการและอาการแสดงที่เด่นชัด แต่เมื่อมีการเสื่อมของจอประสารทตาที่มากขึ้นจะเริ่มสูญเสียการมองเห็น ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติของการมองเห็นได้ดังนี้
นอกจากนี้อาจมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาการปวดศีรษะเนื่องจากต้องใช้สายตามากกว่าปกติ และถ้าเกิดภาวะสายตาเสื่อมจากจอประสาทตาเสื่อมอาการก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตามมา
สาเหตุของภาวะสายตาเสื่อมเริ่มต้นจากพฤติกรรมการดูแลสุขภาพสายตา และการใช้สายตาที่ผิดวิธี โดยเฉพาะการใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือที่มีหน้าจอที่แสงสว่างอาจไม่เพียงพอ หรือ มีแสงจ้ามากเกินไป ร่วมกับ ระยะเวลาการใช้ที่ต่อเนื่องไม่มีการหยุดพักก็จะกระตุ้นให้เกิดภาวะสายตาเสื่อมเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากจอคอมพิวเตอร์มือถือ หรือแม้แต่อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีแสงสว่าง เช่น แทปเลต ทีวี จะมีแสงสีฟ้าที่สามารถทำอันตรายต่อดวงตาได้ แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์เหล่านี้สามารถทะลุเข้าไปทำลายถึงจอประสาทตา และทำลายตั้งแต่กระจกตาไปจนถึงจอประสาทตาได้มากกว่าแสงสว่างอื่นๆ และยิ่งเรามีพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ที่สามารถกำเนิดแสงสีฟ้าอย่างต่อเนื่อง หรือ ใช้ในที่มืดนานๆ จะยิ่งมีอันตรายมากกว่าปกติหลายเท่า การป้องกันอันตรายจากแสงเหล่านี้จึงควรปฏิบัติดังนี้
การป้องกันอันตรายจากแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มือถือ แทปเลต หรือทีวีในปัจจุบันอาจทำได้ยาก แต่เราสามารถลดความเสี่ยงและลดความรุนแรงของอันตรายนั้นได้ ด้วยการปฏิบัติดังนี้
นอกจากการป้องกัน 5 ข้อนี้แล้ว เราควรเข้ารับการตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อตรวจสุขภาพทางสายตาอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มองเห็นไม่ชัด ตามัว ปวดเบ้าตา หรือ กล้ามเนื้อตาล้าเห็นภาพซ้อน อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะสายตาเสื่อม ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อประเมินอาการและรีบรักษาให้เร็วที่สุดต่อไป
อ้างอิง
1. https://www.rama.mahidol.ac.th/um/th/article/information/07162015-1601-th
2. https://www.rajavithi.go.th/