6 เช็คลิสต์ออฟฟิศซินโดรม (Checklist Office Syndrome)

  • Posted By : Happy Product

6 เช็คลิสต์ออฟฟิศซินโดรม (Checklist Office Syndrome)
          โอ้ย...อยู่ดีๆก็มีอาการปวดเมื่อยคอ บ่า ไหล่ แถมยังปวดหลังอีกด้วยเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย? หรือว่าฉันเป็น...ต้องใช่แน่ๆ ฉันต้องเป็นโควิดแน่ๆ...เดี๋ยวๆค่ะคุณพี่หยุดความคิดไว้แค่นั้นเลยค่ะ เพราะอาการที่คุณพี่เป็นอยู่เนี่ย มันคือหนึ่งในโรคยอดฮิตของหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ ซึ่งก็คืออาการของโรคออฟฟิศซินโดรมนั่นเอง
          แล้วคุณพี่รู้ไหมคะ? ว่าโรคออฟฟิศซินโดรมนั้นน่ากลัวกว่าที่คิด แต่ก็ไม่ต้องตกใจไปหรอกค่ะ เพราะโรคนี้เป็นโรคที่รักษาให้หายได้ วันนี้เราจึงนำทริคดีๆมาฝากกัน เพื่อให้ทุกคนได้ลองเช็คกันสักนิดว่าที่เราเป็นอยู่ นั้นเข้าข่ายหรือไม่ กับ 6 เช็คลิสต์ออฟฟิศซินโดรม พร้อมแล้วไปดูกันเลยยย


6 อาการบ่งชี้ ว่าคุณอาจเป็นออฟฟิศซินโดรม!

1. ปวดเมื่อย คอ บ่า ไหล่
          สำหรับหนุ่มสาวคนไหนที่ เริ่มมีอาการปวดเมื่อย คอ บ่า ไหล่ ไม่ว่าจะเป็น อาการปวดเมื่อย หรือรู้สึกปวดตึงๆ ที่บริเวณดังกล่าวแล้วล่ะก็ ให้สันนิษฐานเบื้องต้นได้เลย ว่าคุณอาจจะเข้าข่ายโรคออฟฟิศซินโดรมก็เป็นได้ เนื่องจากพฤติกรรมในการทำงานของคุณ ทำให้คุณจำเป็นต้องนั่งในอิริยาบถเดิมเป็นเวลานาน ดีไม่ดี  ในบางคนก็มีวิธีการนั่งที่ผิดวิธีอีก พฤติกรรมเหล่านี้จึงส่งผลให้คุณเกิดการปวดเมื่อย บริเวณคอ บ่า ไหล่นั่นเอง

2. ปวดหลัง
          อีกหนึ่งอาการที่หลายคนมักเข้าใจผิด ก็แหม...อายุก็ขนาดนี้แล้ว ลุกก็โอย นั่งก็โอย มันก็คงมีกันบ้างแหละ ปวดหลังเป็นเรื่องธรรมดา...จะบอกว่ามันไม่ธรรมดานะคะคุณพี่ เพราะอาการปวดหลังก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อบ่งชี้ของโรคออฟฟิศซฺนโดรม

3.ปวดตาพร่า
          หากอยู่ๆ ก็มีอาการปวดตาพร่า รู้สึกเริ่มมองเบลอ มันไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่ชัดเจน แต่มันเป็นเพราะอาการของโรคออฟฟิสซินโดรมนี่แหละ ที่เริ่มส่งผลต่อการมองเห็นของเรา

4. นิ้วชา นิ้วล็อก ปวดข้อมือ
          อันนี้เป็นอีกหนึ่งอาการที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ต้องใช้เมาส์เยอะๆ ไม่ได้หมายถึงการเมาท์มอยแต่อย่างใดนะคะ แต่หมายถึงการใช้เมาส์ทำงานเยอะๆ อย่างเช่น ผ่าย กราฟิก ที่ต้องมีการใช้เมาส์คลิกไปมาทั้งวัน ส่งผลให้นิ้วเกิดอาการชา หนักเข้าก็อาจจะทำให้นิ้วล็อค และมีอาการปวดข้อมือร่วมด้วย

5. ปวดตึงขา เหน็บชา
          อาการปวดตึงขา ตลอดจนอาการเหน็บชานั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่เราต้องนั่งเป็นเวลานานโดยเฉพาะการนั่งที่ผิดวิธี เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่สะดวก นอกจากนี้หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งส่งผลให้เกิดอาการเส้นตึงได้อย่างง่ายดายเลยล่ะค่ะ

6. ปวดศีรษะ คล้ายไมเกรน
          อีกหนึ่งอาการที่คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นอาการไมเกรน แต่แท้ที่จริงแล้วมาจากอาการปวด คอบ่า ไหล่ ที่รุนแรงซึ่งส่งผลให้เรารู้สึกปวดหัวคล้ายไมเกรนได้ หรือที่เราเรียกว่าไมเกรนเทียมนั่นเอง 

และนี่ก็คือ 6 เช็คลิสต์ออฟฟิศซินโดรมที่เรานำมาฝากกัน เป็นไงกันบ้างคะ อ่านจบแล้วมีกันคนละกี่ข้อเอ่ย จะเห็นได้ว่าเป็นอาการของออฟฟิศซินโดรม นั้น ค่อนข้างรุนแรงและส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเราพอสมควร แต่ไม่ต้องวิตกไปนะคะ เพราะวันนี้เรามีทริคเล็กๆ น้อยๆ ในการรักษามาฝากกันด้วย


ทริคสำหรับผู้มีอาการเบื้องต้น
          สำหรับบางท่านที่เพิ่งมีอาการในระดับเบื้องต้น เช่นอาจจะปวดเมื่อยบ้างเล็กน้อยหรือรู้สึก ปวดตึงในบางบริเวณ ลองเปลี่ยนอิรอยาบถในการทำงานใหม่ดูค่ะ รวมไปถึงจะจัดโต๊ะทำงานใหม่พอดี โดยหากรู้สึกเมื่อย แนะนำให้หายามานวดตามบริเวณที่ปวด ถ้าหากปวดเล็กน้อยก็อาจจะใช้บาล์มหรือน้ำมันนวดที่มีสรรพคุณช่วยในเรื่องของอาการปวดเมื่อยเป็นพิเศษ เช่น SUKAYA บาล์มเมล็ดกันชง ที่ช่วยแก้ปวดเมื่อย และยังสามารถลดอาการอักเสบได้อีกด้วย



ทริคสำหรับผู้มีอาการรุนแรง
          ในบางท่านที่มีอาการค่อนข้างรุนแรง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือเข้ารับการทำกายภาพบำบัด เนื่องจากวิธีเหล่านี้เป็นวิธีการแก้ที่ค่อนข้างตรงจุด แต่ถ้าหากว่าอาการยังไม่หนักจนต้องเข้าพบแพทย์ก็อาจจะใช้การรักษษด้วยการหายานวดร่วมกับการกินยารักษา โดยสามารถขอคำปรึกษาจากเภสัชกรเพื่อให้จัดยาให้ได้ หรือง่ายกว่านั้นก็อาจจะหายาทานที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม อย่างปราชญาสมุนไพร ออฟฟิศ ที่นอกจากจะช่วยลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อแล้วยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยเรื้อรังของออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย

          หรือง่ายกว่านั้น เราแนะนำให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน โดยนั่งให้ถูกวิธี และลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายบ้าง ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็ถือเป็นการป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรมได้แล้ว